Friday, June 22, 2007

Thursday, June 14, 2007

Pocket Book





>>

เป็นอีกหนึ่ง Assignment ในวิชาออกแบบสิ่งพิมพ์ในการเรียนปี3 ซึงมีโจทย์ให้ทำหนังสือ pocketbook โดยส่วนตัวเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือ และก็ชอบงานสิ่งพิมพ์เอามากๆผมจะรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อซื้อหนังมาใหม่และก็รุ้นว่าแต่ละหน้าที่เราเปิดจะเป็นยังไงมีอะไร และเมื่อได้ทำงานที่เกี่ยวกับสิ่งมีก็จะรู้สึกดีจะรู้สึกสนุกไปกับมัน และงานนี้ผมทำ pocketbook ที่เกี่ยวกับเรื่องธรรมะ จริงโดยส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ได้ชอบทำบุญเข้าวัดและจะไม่ค่อยสนใจอะไรที่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับศาสนาเท่าไรและก็เชื่อว่ามีหลายๆคนที่คิดเช่นนี้เรื่องนี้เลยกลายเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีคนในวัยเดียวกับผมพูดถึงและนำมาทำงาน แต่พอผมได้ลองอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ก็พบว่าจริงแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากมันมีทั้งเรื่องที่ผมเห็นด้วยและก็เรื่องที่ผมไม่เห็นด้วย และนี้คือจุดเริ่มต้นที่ผมหยิบเอาเรื่องนี้มาทำ...

>

และหนังสือที่ผมเลือกมาพัฒนาไหม่ก็คือหนังสือเกี่ยวกับธรรมะที่มีชื่อว่า " ศาสนา ดนตรี กวี ศิลปะ " เนื้อหาในหนังสือจะเกี่ยวกับการเปรียบเทียบเรื่องของ ดนตรี กวี และศิลปะในสมัยก่อนกับปัจจุบันว่า ดนตรีหรือศิปะในปัจจุบันนั้นเป็นเรื่องที่แย่ไม่สวยงามเหมือนในสมัยก่อนซึ่งโดยสวนตัวผมไม่เห็นด้วยกับเนื้อความที่เขียนในหนังสือนี้ผมแท้บไม่อยากอ่านต่อ และผมก็มาคิดดูว่าเนี่ยแหละคือความน่าสนใจของการทำหนังสือเล่มนี้มันก็คือเหมือนคำสอนในศาสนานันแหละว่าทุกสิ่งทุกอย่างมี2ด้านเสมอ มีดีชั่ว ถูกผิด มีขาวมีดำ มันอยู่ที่ตัวเราเองว่าเรามีความคิดหรือทัศนคติเกี่ยวกับเรื่องนั้นอย่างไร ในความคิดของผมธรรมะก็เหมือนการฟังเพลงการฟังเพลงมันทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายสบายใจ เพลงที่คนแต่ละคนฟังอาจจะเป็นเพลงคนละประเภทคนละแบบกันแต่มันก็ให้ผลที่เหมือนกัน

>

เมื่อผมมานั่งดูงานนี้มันทำให้ผมคิดว่าผมยังอยากทำและก็อยากพัฒนางานนี้ต่อไปพอย้อนกลับมาดูก็รู้ว่าเราวิธีคิดของเรามันยังน้อยและก็มันมีอะไรอีกหลายอย่างที่มันน่าจะพัฒนาต่อไปได้ผมว่ามันถึงเวลาที่ผมจะต้องกลับมาย้อนดูตัวเองดูสิ่งที่เราทำไปว่ามันใช้แล้วหรือเปล่าหรือบางทีผมอาจจะไม่ต้องไปค้นหาเรื่องอะรที่มันมากมายไกลตัวเลยแค่มารื้อสิ่งเก่าๆของตัวเราเองนี้แหละผมว่ามันน่าสนใจมากแล้ว...

Wednesday, June 13, 2007

My Illustrate

งานภาพประกอบเป็นงานที่ผมชื่นชอบที่สุดมันอาจจะเป็นงานที่ดูธรรมดาสำหรับคนอื่นอาจเป็นสิ่งที่มีคนทำไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร แต่ผมก็ยังชอบและก็มีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำ จริงๆที่เรียนคือเน้นหนักไปทางด้านการออกแบบ Communication Design แต่เมื่อได้เรียนมาเรื่อยๆผ่านการทำงานฝึกงานและก็เริ่มรู้สึกว่างานที่เป็นการค้าเน้นการขายมันไม่เหมาะกับตัวเองเท่าไหร่แต่จริงๆก็ทำได้แต่พอทำไปๆก็จะค่อนข้างรู้สึกเบื่อกับปัจจัยต่างๆมากมายมันอาจจะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยสำหรับคนที่ทำงานด้านนี้อย่างจริงจังบางทีก็กลับมานั่งย้อนมองดูตัวเองคิดว่าหรือจริงๆเราเป็นคนเอาแต่ใจต้องการแต่ความเป็นตัวเอง แต่จริงๆแล้วก็ไม่ใช้ซะทีเดียว... ผมมานั่งมองและก็กลับมาชื่นชม Artist ดังๆที่เค้าทำงานเพื่อรับใช้ความต้องการของตัวเองและก็สามารถทำให้คนอื่นชื่นชมและยอมรับในความเป็นตัวตนของเค้าเอง และก้ซื้องานของเค้าเพราะความชอบจริงๆ ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นเรื่องอยากในการทำงานในสายงานออกแบบมากๆเพราะบางทีเราต้องคำนึงถึงสิ่งต่างมากมาย จนบางทีงานมันก็ออกมาเป็นงานที่เรียกได้ว่าแย่คนนั้นต้องการแบบนี้คนนี้ต้องการแบบนั้น แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เราทำงานออกมาแล้วและทำให้คนอื่นยอมรับได้โดยที่เราสามารถเอาชนะเงื่อนไขต่างๆได้นั้นมันคงเป็นเรื่องที่สุดยอดจริงๆ

>>