Wednesday, August 8, 2007

The Pruta Boy


>>

ความเป็นมาของ Pruta Boy

เมื่อตอนผมเรียนอยู่สักอืม...ปี2(น้าจะจำไม่ผิด) ในวิชาภาพประกอบซึ่งน่าจะเป็นวิชาที่ผมค้อนข้างชอบเป็นพิเศษ ได้ให้โจทย์ในการทำงาน1ชิ้นคือให้เราสร้างคาแรกเตอร์ขึ้นมาโดยให้แต่งเรื่องและความเป็นมาของคาแรกเตอร์ที่เราจะวาดนั้นขึ้นมาเอง ซึ่งคาแรกเตอร์นั้นต้องมีทั้ง2อารมณ์ คือด้านดีและด้านไม่ดีและนั้นก็คือที่มาของ Pruta Boy

>>

Pruta Boy ก็เป็นเด็กธรรมดาที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ แต่ที่ไม่ธรรมดาคือ แม่ของเค้านั้นเป็นนักบินอวกาศขององค์การนาซาซึ้งครั้งหนึ่งแม่ของเค้าได้ขึ้นไปบนดาวพลูโตและได้พบกับมนุษย์ต่างดาวบนนั้นมนุษย์ต่างดาวได้ช่วยชีวิตแม่ของเค้าไว้และทั้ง2ก็รักกันและก็...กัน ซึ่งมนุษย์ต่างดาวก็คือพ่อของ พลูต้านั้นเอง ชื่อพลูต้าจึงมาจากการผสมระหว่างพ่อที่อาศัยอยู่บนดาวพลูโต กับแม่ที่ทำงานองค์การนาซา จึงได้เป็น "พลูต้า"

พลูต้าเกิดมาพร้อมกับร่างกายที่ไม่สมประกอบนักเค้ามีนิ้วมือเพียงสามนิ้วเหมือนพ่อที่เป็นมนุษย์ต่างดาว นั้นคือปมด้อยในชีวิตของเค้า เค้ามักจะถูกทุกคนล้อว่าเค้าเป็นตัวประหลาดและเมื่อทุกครั้งที่เค้าโกรธ เค้าจะสั่งน้ำมูกสีเขียวออกมาใส่ทุกคนที่ทำให้เค้าโกรธและเค้าก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ มีสิ่งเดียวที่ทำให้เค้าสบายใจและไม่คิดอะไรคือ"ถั่ว" เค้าจะต้องมีถั่วเสมอเพราะเมื่อเค้ากินถั่วจะทำให้เค้าสบายใจเมื่อมีคนมาล้อเค้าเค้าก็จะไม่รู้สึกโกรธนั้นก็จะไม่ทำให้เค้าสั่งน้ำมูกออกมาซึ่งนั้นก็เป็นการกระทำที่ตัวเค้าไม่ชอบเอาซะเลย

>>

( นี่คือความเป็นมาของพลูต้า ไม่รู้ว่าในตอนนั้นคิดเรื่องแบบนี้ออกมาได้ไง รู้สึกว่าตัวเองเหมือนเด็กๆที่มาเพ้อเจ้ออะไรก็ไม่รู้ แต่พอมาถึงตอนนี้ผมนั่งมองดูและกลับมาคิดอีกที ในความคิดผมผมว่าคนทุกล้วนแล้วแต่มีปมด้อยมีข้อบกพร่องหรือข้อเสียในตัวเองกันทุกคน แล้วแต่ว่าทุกคนจะจัดการกับมันยังไงบางคนอาจจะปกปิดปมด้อยหรือข้อบกพร่องของตัวเองโดยการแสดงสิ่งหนึ่งสิ่งใดเพื่อทำให้เห็นว่าตัวเองสมบูรณ์แบบ นั้นก็คือการแก้ปัญหาหรือจัดการกับข้อเสียของตนเองซึ่งการแก้ปัญหานั้นควรจะต้องเป็นวิธีที่ไม่ทำให้ตัวองแย่ลงกว่าที่เป็น แต่จะเป็นวิธีอะไรนั้น ก็คงขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคนไปนั้นเอง)






























>>

"ทั้งที่งานก็เยอะแต่ยังไม่ทำเอาเวลามาทำอะไรก็ไม่รู้" แต่สิ่งที่ผมทำไม่รู้ว่ามันดีไม่ดีแต่ก็ยังรู้สึกมีความสุขและก็อินไปกับมันทุกครั้งที่ทำ แค่อย่างน้อบ1วันได้ทำสัก1ชิ้นผมว่ามันดีที่เราไม่หยุดที่จะทำอะไรที่เราชอบสักอย่าง บางคนบอกว่าชอบอันนั้นอันนี้แต่ไม่ทำ แต่ก็ว่าคนอื่นไม่ได้เพราะตัวเราเองก็ไม่ได้ดีมากมายอะไร

เราก็คงเป็นแค่ " Pruta Boy" ^^...










Wednesday, August 1, 2007

I Dream 3 " White Project "

>>





:: Apple Thailand ร่วมกับ คณะศิลปกรรมศาสตร์ ได้มีโครงการดีๆ เป็นโครงการประกวดการทำหนังสั้น ที่เปิดโอกาสให้กับเด็กๆมัธยมได้โชว์ฝีมือกัน

>>

:: Poster by Dusadee Boonchaisri ::

System เวลาและระบบการเดินทาง ( update )

> หลงัจากงานที่ได้ทำเรื่องเวลาระบบการเดินทาง เมื่อได้กร๊าฟหรือตารางที่ได้กำหนดเวลาในแต่ละวันแล้วหลังจากนั้นก็ได้ทำการบันทึกการเดินทางของตัวเองเป็นเวลา 1 เดือน และก็ถึงเวลาที่จะต้องมาแจกแจงแยกแยะและวิเคราะห์ข้อที่ได้เสียที




^ :: เมื่อได้ข้อมูลจากการบันทึกเรื่องเวลาและการเดินทางในวันวันนึงแล้ว ก็จะมีอีก3เรื่องเข้ามาเกี่ยวข้องซึ้งผมคิดว่ามันน่าสนใจและก็สามารถเป็นประโยชน์ต่องาน คือ เรื่องของพาหนะที่ใช้เดินทางเรื่องของเงินที่ใช้ไปในการเดินทางในแต่ละครั้งและเรื่องของระยะทางในการเดินทางก็ได้มีการจดบันทึกไว้ด้วย และก็นำข้อมูลที่ได้มาแทนค่าลงในตารางที่ได้กำนดขึ้น โดยการใช้สีต่างๆเป็นตัวแบ่งชนิดของยานพหะนะที่ได้ใช้เดินทางในแต่ละครั้ง สีที่ใช้แทนค่าอาจจะยังอ้างอิงไม่ได้ว่าเพราะเหตุใดจึงต้องเป็นสีนั้นๆ จึงได้กำหนดขึ้นมาเองคร่าวๆเพื่อทำให้เห็นความแตกต่างของการเดินทางได้อย่างชัดเจน และแถบสีก็จะมีความยาวตามระยะเวลาของการเดินทางว่าใช้เวลาในการเดินทางไปกี่นาทีในแต่ละครั้ง และมีการบอกกำกับอีกว่าการเดินทางในหนึ่งครั้งนั้น ใชเงินไปเท่าใด และเดินทางไปได้ระยะทางเท่าไหร่

^ :: ข้อมูลทั้งหมดที่จดบันทึกมาและนำลงมาแทนค่าลงในตาราง

^ :: ข้อมูลสรุปทั้งหมด คือ ในหนึ่งเดือนที่ทำการบันทึกข้อมูลนั้น ได้เดินทางจริงๆทั้งหมดเพียง 16 วัน ใช้เงินไปทั้งหมดในการเดินทางเท่ากับ 2228 บาทได้ระยะทางในการเดินทางรวมทั้งหมด 2116.11 กม. ( โดยประมาณ ) ดังนั้น คิดหารเฉลี่ยก็จะได้ คือเงิน 1 บาท สามารถเดินทางได้ระยะทางประมาณ 0.95 กม. หรือ ประมาณ 949.78 เมตร ใช้เวลาเดินทางไปรวมทั้งหมด 2775 นาที หรือ 46 ชม. 15 นาที ดังนั้น การหาค่าเฉลี่ยได้อีกคือ เงิน 1 บาท สามารถเดินทางได้ระยะทางประมาณ 0.95 กม. หรือ ประมาณ 949.78 เมตร โดยใช้เวลาประมาณเพียง 1.25 นาที



^ ::เมือนำตางรางขอมูลที่ได้มาวางต่อกันตามลำดับในแนวนอนและถอดเส้นตารางออก ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ผมว่ามันมีความน่าสนใจเท่าทีควรแต่ก็อาจจะเป็นเพียงก้าวแรกของการทำงาน ซึ้งต้องนำผลที่ได้นี้ ไปประยุกต์และพัฒนาออกมาเป็นงานอีกในขั้นต่อไป





^:: เมือนำตางรางขอมูลที่ได้มาวางต่อกันตามลำดับในแนวตั้งและถอดเส้นตารางออก ก็จะได้ลักษณะที่ต่างไปกับการต่อกันในแนวนอน